หลายคนมีประกันสุขภาพ ทำไปแล้วไม่ได้เคลม เมื่ออายุมากขึ้นแล้วเบี้ยเพิ่มขึ้นสูงมาก ส่งต่อไม่ไหวแล้วก็ทิ้งเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย โดยปกติธรรมชาติของประกันสุขภาพ จะเป็นแบบจ่ายเงินทิ้งเปล่า พร้อมทั้งเบี้ยประกันจะปรับเพิ่มตามอายุของเรา
และเบี้ยประกันจะเพิ่มสูงมาก จนน่าตกใจ เมื่อคุณอายุเข้าสู่วัยเกษียณ การเงินและรายได้จะลดลง แถมยังมีโอกาศป่วยมากขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ตามวัยของเรา เพราะฉนั้นอัตราเบี้ยประกันภัยก็เลยเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยง ที่เกิดขึ้นซึ่งจะสูงมากจนเป็นลมได้นะคะ
แต่ถึงอย่างไรการมีประกันย่อมดีกว่าไม่มีประกันอย่างแน่นอนนะคะ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทีตุ๊กติ๊กทำประกันมา 10 กว่าปี พบว่า คนส่วนใหญ่อยากจะมีประกันชีวิต และประกันสุขภาพทั้งนั้น แต่ว่ากังวลใจในเรื่องของเบี้ยประกัน และความคุ้มค่าเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งประสบการณ์ของตุ๊กติ๊กเองโดยตรง คือเป็นทั้งลูกค้า เป็นทั้งตัวแทนประกัน แล้วก็ผันมาเป็นนักวางแผนการเงินส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน ประกันก็สำคัญอย่างมากที่เราควรจะมีกันทุกคนนะคะ แล้วทำไมต้องมีมาดูกันต่อค่ะ
คนส่วนใหญ่ที่มีประกันสุขภาพจะกล้าไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชน ใช่ไหมค่ะ เพราะคิดว่าเรามีประกันยังไงก็เบิกได้ แถมยังอุ่นใจว่าวันนี้เราจะได้รับการรักษาดูแลอย่างดี จากหมอ และพยาบาล พร้อมทั้งการบริการในภาพรวมที่ดีของโรงพยาบาลเอกชน
แล้วถ้าคุณไม่มีประกัน ตัวเลือกแรกๆ คือ การที่คุณจะไปร้านขายยา ซื้อยามาทานก่อน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นก็ไปคลีนิคใกล้บ้าน หรือที่คนรู้จักแนะนำกันมา ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ ก็ไปต่อที่โรงพยาบาลในสวัสดิการของตัวเอง เช่น ประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกันสังคม
และในตัวเลือกสุดท้ายของคนที่ไม่มีประกันสุขภาพ คือ การที่เราคิดว่า การบริการจากภาครัฐ ที่เราได้รับการรักษามาแล้วนั้น ไม่ดี หรือไม่เป็นที่น่าพอใจ เราจึงปรึกษากันว่า เราจะไปโรงพยาบาลเอกชนกันดีกว่าไหม และต้องลองมองดูเงินในกระเป๋าด้วยว่า เงินจะมีพอจ่าย
ไหวหรือไม่ ถ้าเกิดวิกฤติขึ้นกับคนที่เรารัก หลายครั้งเราก็จะเห็นว่า จะมีการขายสินทรัพย์ที่มีเพื่อมารักษาตัว จนหมดตัว และเป็นหนี้ไปหลายคนมากๆ ค่ะ เมื่อถึงขั้นตอนนั้นเราต้องเลือกชีวิตคนที่เรารักไว้ก่อนใช่ไหมค่ะ เรื่องที่ตุ๊กติ๊กเล่ามาเป็นเรื่อง ที่เกิดขึ้นจริงที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว
เมื่อทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และหลายคนแล้ว ตุ๊กติ๊กก็ต้องการที่จะหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตัวเองพร้อมตอบโจทย์ลูกค้าได้ และแล้วเราก็ได้พบทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือประกันสุขภาพ เบี้ยคงที่แถมฟรีเงินลงทุน (AIA Unit Link + UDR) แถมยังซื้อความคุ้มครอง เรื่องของ
ค่าชดเชยรายวัน ค่าประกันโรคมะเร็ง ค่าประกัน 40 โรคร้ายแรง แบบเบี้ยคงที่ตลอดสัญญาพร้อมนำเงินที่เราจ่ายเบี้ย ไปลงทุนในกองทุนที่เราเลือกได้ผลกำไร ก็กลับมาเป็นกองทุนที่เราจะเบิกใช้ได้ยามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น
- เงินทุนการศึกษา
- เงินเริ่มต้นธุรกิจ
- กองทุนเงินเกษียณ
ที่สำคัญคุณยังมั่นใจได้ว่า ในระหว่างทางที่คุณเดินทางไปสู่เป้าหมายของชีวิตพร้อมกับคนที่คุณรัก ชีวิตจะราบรื่นไม่สะดุดกลางคัน เพราะคุณเตรียมประกันสุขภาพไว้เพียงพอแล้ว เรื่องที่จะยกตัวอย่างต่อจากนี้คือ เมื่อคุณมีลูก มีพ่อแม่ มีสามี ภรรยา พี่น้องที่ต้องดูแล
ไม่ว่าจะเป็นใครที่คุณรักไม่สบาย เราก็ต้องดูแลเขาอย่างเต็มที่และดีที่สุดใช่ไหมค่ะ การที่เราต้องรับผิดชอบ หลายครั้งเราต้องลางาน หยุดทำงานเพื่อมาดูแลคนที่เรารัก แต่ถ้าคุณมีประกันที่ช่วงแบ่งเบาภาระของคุณเองได้ คุณก็จะมีชีวิตที่ดีและราบรื่นอย่างมีความสุข
เมื่อเพื่อนๆ มีความเข้าใจ และมีความต้องการตรงกันแล้วตุ๊กติ๊กจะยกตัวอย่างการทำประกัน สุขภาพเบี้ยคงที่แถมฟรี เงินลงทุนกับ AIA Unit Link มาให้ดู 2 ตัวอย่างนะคะ คือในวัยเด็ก และวัยกลางคนที่เริ่มสร้างฐานะ และมีความรับผิดชอบหลายอย่างนะคะ
ตัวอย่างแรก คือ
ประกันสุขภาพเบี้ยคงที่ แถมฟรีเงินลงทุน กับ AIA Unit Link ตอนเด็กอายุ 0 ขวบ (ทำตอนแรกเกิดเลยนะคะ)
รายละเอียดที่ทำเป็นดังนี้
- ทุนประกัน 1,500,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลค่าห้อง 2,200 บาท
- ค่ารักษามะเร็ง 1 ล้านบาท
- ค่ารักษา 40 โรคร้ายแรง 1 ล้านบาท
- ค่าชดเชยกรณีนอน รพ. วันละ 1,000 บาท
สรุปรวมเงินเบี้ยประกัน ทั้งลงทุนและประกันสุขภาพทั้งหมดเดือนละ 3,000 บาท ปีละ 36,000 บาท เท่านั้นนะคะมาดูในรายละเอียดกันต่อค่ะ
(หมายเหตุ : สิ้นเดือนกันยายน 2561 นี้บริษัทจะปิดการขายค่าห้อง และค่าชดเชยสำหรับเด็กอายุ 0- 10 ปี) เนื่องจาก ค่าการเคลมสินไหมที่ สูงมากทางบริษัทเห็นสมควรว่า ควรยกเลิกการขายในเด็กช่วงวัยดังกล่าว เพื่อคงความยั่งยืนของกรมธรรม์ต่อไป นี่เป็นโอกาสเดียวที่คุณ จะได้ซื้อของดี ราคาถูกที่สุดในปฏพีตอนนี้ เปลี่ยนเพื่อการคุ้มครองเหนือระดับ กับ ประกันสุขภาพเบี้ยคงที่ แถมฟรีเงินลงทุน (Unit Link + UDR) ตอนนี้ดีที่สุดนะคะ)
ดูตัวอย่างได้เลยนะคะ
จากตัวอย่าง ลูกๆ ของเราจะมีเงินเก็บรวม ประมาณ 1 ล้านบาทตอนอายุ 21 ปี ถ้าผลตอบแทนกองทุนที่เลือกเป็น 8 % ต่อปีนะคะ(นี่เป็นการจำลองผลตอบแทนเฉลี่ยที่คาดว่าจะได้รับนะคะ) ตามภาพด้านล่างนะคะ
ลูกๆ จะมีเงิน 2 ล้านตอนอายุ 28 ค่ะ ตามภาพด้านล่างนะคะ
ตอนอายุ 40 จะมีเงินประมาณ 5.5 ล้านนะคะ ตามภาพด้านล่างคะ
ตอนอายุ 50 จะมีเงินประมาณ 11.5 ล้านนะคะ ตามภาพด้านล่างนะคะ
อายุ 60 จะมีเงินตอนเกษียณ ประมาณ 24.5 ล้านค่ะ ตามภาพด้านล่างนะคะ
หลังจากนั้นเราก็หยุดจ่ายตอนอายุ 60 ปีเต็ม แล้วให้ความคุ้มครองสุขภาพต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 80 ปี เต็มโดยที่เราไม่ต้องใส่เงินเข้าไปอีกแล้ว เงินที่มีในกองทุนจะทำหน้าที่จ่ายเบี้ยประกันสุขภาพให้อัตโนมัติ
เงินที่เราเก็บออมเพื่อสุขภาพ และลงทุนไปทั้งหมด ตลอด 60 ปี เป็นเงิน 2,160,000 บาทเท่านั้นเองนะคะ เงินของเพื่อนโตไปถึงยี่สิบกว่าล้านบาท เยี่ยมยอดจริงๆ ค่ะ
ทั้งนี้เมื่ออายุ 70 ปีเราจะมีเงินกองทุนประมาณ 48.7 ล้านบาท ในระหว่างทางเรายังเบิกมาใช้ตอนเกษียณอายุได้อีกค่ะ
และคุ้มครองเราไปจนถึง 80 ปี ถ้าไม่เบิกถอนเงินเลย เราจะมีเงินถึง 97 ล้านบาทเลยทีเดียว เพื่อนๆ เห็นไหมค่ะว่า พลังดอกเบี้ยทบต้นมีพลังมหาศาลมากแค่ไหน นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งความพอใจ ขึ้นอยู่กับความสุขที่เรามี และความต้องการของเราค่ะ
นอกจากนี้ตุ๊กติ๊กยัง ทำตัวอย่างให้ดูต่อสำหรับการวางแผนสุขภาพของพ่อแม่อย่างเราที่วัยประมาณใกล้เคีบงกัน คือ อายุ ประมาณ 35 ปี ที่ต้องดูแลทั้งลูก พ่อและแม่ แถมยังต้องดูแลเงินเกษียณของตัวเองด้วยนะคะ มาดูกันต่อค่ะ
จากตัวอย่างที่ 2 นี้ตุ๊กติ๊กใส่ข้อมูลดังนี้นะคะ
- เพศหญิง อายุ 35 ปี
- ทุนประกัน 1,500,000 บาท
- ค่าห้องในการรักษาพยาบาล 5,000 บาท
- ค่าชดเชยกรณีนอน รพ. วันละ 2,000 บาท
- ค่ารักษามะเร็ง 1,000,000 บาท
- ค่ารักษาเนื่องจากโรคร้ายแรง 1,000,000 บาท
ถ้ารวมทั้งหมดนี้ เราจะออมเงินเดือนละ 7,000 บาท หรือปีละ 84,000 บาท
มาดูกันเลยค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
อันนี้เก็บยาวไว้เป็นเงินเกษียณเลยนะคะ เพราะว่าเราเริ่มช้าแล้วนะคะ ตอนอายุ 60 ปีเราจะมีเงินกองทุนประมาณ 3.2 ล้านบาท ถ้าได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 8 % ต่อปี
เราเริ่มลดทุนประกันลงเหลือตำ่สุดที่ 90,256 บาท เพื่อให้เงินเราเติบโตมากขึ้น และเราก็หยุดส่งตอนอายุ 60 ปีเต็ม หลังจากนั้นให้มูลค่ากองทุนจ่ายเงินประกันสุขภาพแทนเราจนถึง 79 ปี และคุ้มครองต่อเนื่องไปจนถึง 80 ปีเต็ม
ตอนที่เราหยุด เราจะใส่เงินไปทั้งหมด ประมาณ 2,184,000 บาท เมื่อเราเก็บไว้ไม่ขายคืนหน่วยลงทุน เราจะมีเงินประมาณ 5.3 ล้านบาท ตอนอายุ 70 ปีเต็มนะคะ
และอายุ 80 ปีเรายังมีเงินกองทุนประมาณ 8.2 ล้านบาท ในกรณีที่เราไม่ขายหน่วยลงทุนเลย และลดทุนประกันต่ำสุด พร้อมทั้งได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปีด้วยนะคะ ผลตอบแทนที่ได้อาจจะมาก หรือน้อยกว่านี้ก็เป็นไปได้ แล้วแต่ผลประกอบการกองทุนที่เราเลือกนะคะ
จากตัวอย่างทั้ง 2 กรณี อันนี้เป็นการทำประกันสุขภาพที่ควบการลงทุน ซึ่งยังไม่ได้พูดถึงแผนการศึกษา และแผนการเกษียณโดยตรงนะคะ เพียงแค่ตุ๊กติ๊กต้องการให้เพื่อนๆ เห็นว่า การทำประกันแบบนี้คุ้มค่ามากค่ะ จะทำทั้งที ก็ทำประกันสุขภาพเบี้ยคงที่ แถมฟรีเงินลงทุนกับ AIA Unit Link ของเรานะคะ
สรุปความแตกต่าง ทั้งหมดอีกครั้งนะคะ
ถ้าเราเก็บออมเงินโดยใช้พลังดอกเบี้ยทบต้น เงินจะเพิ่มพูนทวีมากมาย อย่างที่ไม่น่าเชื่อกันเลยทีเดียว ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เงินงอกเงย คือ
- เงินต้น ยิ่งมาก ยิ่งดี
- ผลตอบแทน ยิ่งมาก ยิ่งดี
- ระยะเวลา ยิ่งมาก ยิ่งดี
เมื่อเห็นข้อมูลแบบนี้แล้ว รีบออมทันที เงินจะได้ทำงาน แบบมีประกันสุขภาพเบี้ยคงที่ และมีเงินลงทุนให้อีกต่างหาก เลิศมากจริงๆ ค่ะ เพื่อนๆ สงสัยประการใด สอบถามตุ๊กติ๊กโดยตรงค่ะ